วันศุกร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2558

การปลูกผักสวนครัว รั้วกินได้

           ภายใต้สภาวะค่าครองชีพสูง ค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็สูงตามไปด้วยไม่ว่าจะเป็นค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าน้ำ ค่าไฟ ทำให้ต้องคิดหาทางเอาตัวรอดภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่เป็นอยุ่นี้

 
           การปลูกผักสวนครัว รั่วกินได้ ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะช่วยให้เรามีผักบริโภคภายในครัวเรื่อนได้ ปลอดภัย   จากสารเคมีตกค้างต่างๆ ทั่งยังทำให้เราได้บริโภคผักที่สด มีวิตะมิน ทำให้ร่างกายของเราและทุกคนในครอบครัวมี สุขภาพที่แข็งแรงจากการบริโภคผักที่เราได้ปลูกนี้ ไม่ต้องเสียเงินไปซื้อผักที่ปนเปื้อนสารพิษตามตลาดสด ตลาด นัด ช่วยประหยัดค่าอาหารได้อีกทางหนึ่ง   นอกจากนี้การปลูกผักนี้จะช่วยให้เราได้ออกแรง ออกกำลัง ทำให้ร่างกายได้ออกกำลังกายไปในตัว
           จะเห็นได้ว่าการปลูกผักสวนครัว รั้วกินได้นี้ ก่อให้เกิดประโยชน์เป็นอย่างมากทั้งต่อ ตนเอง ครอบครัว ทั้ง ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายอีกด้วย

 
 เรามาเริ่มปลูกผักสวนครัวกัน

            เริ่มจากต้องหาสถานที่ และภาชนะในการปลูกให้เหมาะสมกับพืชผักสวนครัวที่เราจะทำการปลูก เราต้องสำรวจว่าบริเวณบ้านเรามีมุมไหนที่พอได้รับแสงแดงได้บ้าง แดดเช้าหรือ แดดบ่าย เมื่อได้แล้วเราก็ต้องเตรียมแปลงปลูกผัก ถ้าบริเวณบ้านเราไม่มีดินเนื่องจากเป็นตึก เป็นทาวเฮ้า เราก็อาจปรับมาปลูกในภาชนะต่างๆในการปลูกผักแทน ไม่ว่าจะปลูกในกระถาง ขวดน้ำพลาสติกที่ดืมหมดแล้ว กระป๋องต่างๆ 
            ส่วนดินสำหรับปลูกนั้น ทางที่ดีให้เป็นดินที่สามารถระบายน้ำได้ดี เช่น ดินร่วน ผสมปุ๋ยคอกสำหรับเป็นเครื่องปลูกได้  ส่วนปุ๋ย ฮอร์โมน สำหรับใส่นั้นสามารถจัดทำได้เองโดยใช้เป็นปุ๋ยหมักชีวภาพ  โดยวิธีการหมักปุ๋ยชีวภาพนั้นสามารถศึกษาเพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นได้จากภายใน Blog นี้



เรามาทำความรู้จักกับผักสวนครัวกันก่อน
               ผักสวนครัวที่เราควรปลูกไว้ประจำบ้านนั่นต้องปลูกง่าย ดูแลง่าย และใช้อยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นกะเพรา โหระพา พริก มะกรูด มะนาว ตะไคร้  ขิง ข่า อาหารไทยส่วนใหญ่จะมีส่วนประกอบของพืชผักสวนครัวพวกนี้ ไม่ว่าจะเป็นต้มยำ ก็จะมีส่วนประกอบของ ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูดเป็นส่วนประกอบ ทำให้ได้รสต้มยำแบบไทยๆ
   
 กะเพราแดง
 
  กะเพราเป็นต้นไม้ล้มลุก ต้นสูงประมาณ 30-60 เซนติเมตร มีรสฉุน ร้อน ช่วยขับลม แก้ท้องขึ้น จุกเสียด แน่นท้อง ช่วยในการย่อยอาหาร คนไทยใช้กะเพราเป็นส่วนประกอบในการปรุงอาหารหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น ไก่ผัดกะเพรา แกง ผัดเผ็ด เป็นผักสวนครัวที่ขาดไม่ได้สำหรับครัวไทย

 กะเพราขาว

          กะเพราที่ปลูกกันโดยทั่วไปมีอยู่ 3 ประเภทด้วยกัน ได้แก่กะเพราขาว กะเพราแดง และกะเพราลูกผสมระหว่างกะเพราขาวและกะเพราแดง  กะเพราแดงนั้นส่วนใหญ่จะใช้เป็นสมุนไพร ส่วนกะเพราขาวจะนิยมนำมาประกอบอาหาร
      กะเพราเป็นพืชที่ปลูกง่าย เพียงแค่รดน้ำเช้า เย็นก็จะงาม มีใบให้เราเก็บไปประกอบอาหารได้ไม่ขาด การดูแลรักษาไม่ยากเนืองจากไม่ค่อยมีแมลงรบกวน เมื่อออกดอกเราก็คอยเด็ดออกบ้างเพื้อให้แตกกิ่งใหม่ ใบใหม่ เพียงแค่นี้เราก็จะได้สมุนไพรพื้นบ้าน ไว้ให้เราได้บริโภคกัน

       
 ข้าวผัดกะเพราหมูสับ
 
เมนูยอดฮิตที่ทุกท่านสามารถทำได้อย่างง่ายๆ  หลายท่านคงจะได้เคยริมลองข้าวผัดกะเพราหมูสับ อาจจะเพิ่มไข่ดาวด้วยอีกซัก 1 ฟอง แค่นี้ก็เป็นอาหารจานด่วนได้อย่างเอร็ดอร่อยภายในบ้าน เครื่องปรุงก็สามารถหาได้ตามรอบบ้าน ไม่ว่าจะเป็นกะเพรา  พริก  เราจะเห็นได้ว่าเพียงแค่เราปลูกผักสวนครัวติดบ้านไว้ เราก็สามารภสร้างเมนูได้อย่างง่ายดาย แถมอร่อยด้วยฝีมือตนเอง โดยไม่ต้องพึ่งหาอาหารแช่แข็ง หรือต้องไปทานนอกบ้านตลอดเวลา




Political Cartoon 101

 
 
 
การ์ตูนล้อการเมือง 101
 


การ์ตูนการเมือง ( Political Cartoon ) หรือ การ์ตูนบทบรรณาธิการ ( Editorial Cartoon ) คือภาพวาดลายเส้นพร้อมรายละเอียดเชิงตลกล้อเลียน มีจุดมุ่งหมายเพื่อการล้อเลียน เน้นเรื่องราวมากกว่ารูปแบบของสิ่งที่วาด จุดประสงค์เพื่อความสนุกสนาน ในบางครั้งอาจเป็นการแนะนำ หรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ เศรษฐกิจ สังคม และ การเมือง นำเสนอในรูปแบบของ การวิพากย์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล บางครั้งอาจสอดแทรกถึงวิธีการแก้ปัญหานั้น จะมีคำบรรยายหรือไม่มีก็ได้ ล้อเลียนเชิงขบขันมากกว่าจะมุ่งทำลาย การ์ตูนนิสต์การเมือง จะต้องสนใจติดตามข่าวสารบ้านเมือง และวิเคราะห์ข่าว แสดงความคิดเห็นทางการเมืองของตนเอง ในรูปของการล้อเลียน การ์ตูนล้อการเมืองได้รับความนิยมจากผู้อ่านเป็นจำนวนมาก ในยุคปัจจุบันนี้หนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับจะต้องมีหน้าการ์ตูนการเมืองแทรกอยู่ด้วยเสมอ
 

 
กำเนิดการ์ตูนล้อการเมือง          การ์ตูนนิสต์การเมืองคนแรกคือชาวอังกฤษ ชื่อ เจมส์ กิลล์เรย์ ( ค.ศ. 1757 – 1815 ) ได้เขียนภาพล้อเลียนพระบรมวงศานุวงศ์ของประเทศอังกฤษ ที่ใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย ศีลธรรมของชนชั้นสูง และการทำงานของรัฐบาล ทำให้ประชาชนคลายความเครียดจากภาวะสงครามในขณะนั้น ภาพล้อของ กิลล์เรย์ ไม่ได้ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ แต่มีวางจำหน่ายในร้านใกล้ๆสวนสาธารณะ ทำให้เป็นที่สนใจของผู้ที่ผ่านไปมา หนังสือที่พิมพ์ภาพล้อการเมืองเล่มแรก คือ นิตยสารฝรั่งเศส ชื่อ CARIVARI ต่อมานิตยสารรายสัปดาห์ของอังกฤษ ชื่อ PUNCH มีบทความการเมืองรวมทั้งมีภาพล้อประกอบ ได้รับความนิยมจากผู้อ่านเป็นอย่างยิ่ง และดำเนินกิจการเรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้

เส้นทางการ์ตูนการเมืองในประเทศไทย
          สมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จิตรกรที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น คือ ขรัวอินโข่ง เป็นผู้ที่ริเริ่มเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนัง ที่มีลักษณะเป็นภาพเหมือนจริง ล้อเลียนบุคคล โดยแทรกอารมณ์ขัน แต่ไม่ใช่เป็นผลงานด้านการ์ตูนอย่างแท้จริง เนื่องจากขาดการแสดงออกตามลักษณะของตัวการ์ตูน มีความละเอียดของลายเส้น และแสงเงาชัดเจนเกินไป พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงบันทึกไว้ในพระราชหัตถเลขา เมื่อ ปี พ.ศ. 2407 ทรงกล่าวถึงช่างวาดภาพจิตรกรรมฝาผนังระเบียงวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ที่แทรกรูปวาดล้อเลียน ข้าราชบริพารไว้หลายรูปด้วยกัน ปี พ.ศ. 2440 (ค.ศ. 1897) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสยุโรปเป็นครั้งแรก มีผู้วาดภาพการ์ตูน แทรกภาพข่าวการเสด็จพระราชดำเนินในครั้งนั้น รวมทั้งพระราชกรณียกิจในสถานที่ต่างๆลงตีพิมพ์ในนิตยสาร วารสาร หนังสือพิมพ์ ใบปลิว ไปรษณียบัตร ปกหนังสือเรียน ฯลฯ พระองค์ทรงโปรดเกล้าให้รวบรวมสิ่งพิมพ์ที่มีภาพวาดลายเส้นล้อการเมือง ที่เปรียบเปรยถึงพระองค์ ส่งกลับมาให้พระบรมวงศานุวงศ์ที่เมืองไทย ปี พ.ศ. 2449 (ร.ศ. 125) มีภาพวาดการ์ตูนเชิงชำชัน โดยวิธีแกะไม้อย่างง่ายๆ ทำแม่พิมพ์คล้ายกับวิธีการของยุโรป ในหนังสือชื่อ สำราญวิทยา และใน จดหมายเหตุแสงอรุณ เมื่อปี พ.ศ. 2450 นอกจากนี้มีชาวต่างประเทศวาดภาพการ์ตูนล้อเลียนชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยสมัยนั้น ในหนังสือพิมพ์ สยามออบเซอเวอร์ (SIAMOBSERVER) รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงสนพระทัยศิลปะการวาดภาพมาก ทรงโปรดเกล้าพระราชทานคำว่า CARTOON จากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยว่า ภาพล้อ ในสมัยนี้การ์ตูนล้อการเมืองเริ่มเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากพระองค์ทรงสนับสนุน ให้มีการจัดประกวดวาดภาพล้อเลียนขึ้นใน พระบรมมหาราชวัง (พ.ศ. 2468 – 2470) ทำให้การวาดภาพการ์ตูนได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
           นอกจากนี้พระองค์ทรงวาดภาพล้อเลียน เพื่อตักเตือนข้าราชบริพารที่ทุจริต ประพฤติมิชอบ ฉ้อราษฎร์บังหลวง โดยลงตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ 3 ฉบับ คือ ดุสิตสมัย ดุสิตสมิต และ ดุสิตสักขี การ์ตูนนิสต์การเมืองคนแรกของไทยคือ เปล่ง ไตรปิ่น ซึ่งมีโอกาสเดินทางไปศึกษาวิชาศิลปะการวาดภาพที่ยุโรป ได้นำเทคนิคจากต่างประเทศ วาดภาพการ์ตูนเป็นลายเส้น ได้รับรางวัลการประกวดภาพล้อจาก ร. 6 โดยการเขียนการ์ตูนล้อเลียนนักการเมืองสำคัญๆในยุคนั้น อาทิ เจ้าพระยายมราช พระยามโนปกรณ์นิติธาดา พระยาพหลพลพยุหเสนา เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี ฯลฯ นอกจาการวาดภาพการ์ตูนแล้ว เปล่ง ยังมีความสามารถพิเศษอีกหลายอย่าง เช่น การสร้างกล้องถ่ายรูป การทำแม่แบบพิมพ์ การถ่ายรูป ทำให้ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น ขุนปฏิภาคพิมพ์ลิขิต นอกจากนี้ ชาวญี่ปุ่น ชื่อ ไอ เคียว คาวา ซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองไทยสมัยนั้นสนับสนุนให้ นักเขียนการ์ตูน วาดภาพการ์ตูนลงใน หนังสือพิมพ์ยาโมโต สมัยรัชกาลที่ 7 การ์ตูนเริ่มซบเซาเนื่องจากเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง เกิดปัญหาการขาดแคลนกระดาษพิมพ์ จนกระทั่งยุคการเปลี่ยนแปลงการปกครอง (พ.ศ. 2475) วงการการ์ตูนเริ่มฟื้นฟูขึ้นพร้อมกับเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง การ์ตูนนิสต์วาดภาพล้อเลียนจนเกินขอบเขต ทำให้มีกฎหมายของคณะราษฎร์ออกมาควบคุม หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ประยูร จรรยาวงศ์ วาดภาพการ์ตูนที่มีตัวแสดงชื่อ ศุขเล็ก ใช้เป็นสัญลักษณ์ประจำตัว เขียนการ์ตูนขำขันและการ์ตูนล้อการเมือง ได้รับรางวัลจากการประกวดการ์ตูนสันติภาพโลก เมื่อ ปี พ.ศ. 2503 ที่นิวยอร์ค ชื่อภาพ การทดลองระเบิดปรมาณูลูกสุดท้าย ( The Last Nuclear Test ) และได้รับรางวัลแมกไซไซ ที่ ประเทศฟิลิปปินส์ ยุคเผด็จการครองเมือง ศุขเล็ก ถูกสั่งห้ามเขียนการ์ตูนล้อเลียนการเมือง เนื่องจากการวาดภาพวิจารณ์นักการเมืองที่มีอำนาจในยุคนั้น จึงได้เปลี่ยนแนวมาวาดภาพการ์ตูนในคอลัมน์ ขบวนการแก้จน ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต
 
 
 
ยุคทองของการ์ตูนล้อการเมือง           หลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 มีหนังสือพิมพ์เพิ่มขึ้นใหม่อีกหลายชื่อ ทำให้มีการ์ตูนนิสต์การเมืองที่มีชื่อเสียงเกิดขึ้นอีกหลายคน เช่น ชัย ราชวัตร (สมชัย กตัญญตานนท์) เขียนการ์ตูนการเมืองชุด ผู้ ใหญ่มากับทุ่งหมาเมิน ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
           หมื่น (ชูชาติ หมื่นอินกุล) ในหนังสือพิมพ์มติชน
           อรุณ วัชระสวัสดิ์ ในหนังสือพิมพ์มติชน และ The Nation
           เซีย (ศักดา เอียว) ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
           บัญชา - คามิน ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ
           พล ข่าวสด (สุรพล พิทยาสกุล) เริ่มเขียนการ์ตูนการเมืองสมัยรัฐบาลบรรหาร ศิลปอาชา ในหนังสือพิมพ์ข่าวสด เรื่อง หนูนากับป้าแจ่ม ตัวละคร หนูนา มาจาก กัญจนา ศิลปอาชา และ ป้าแจ่ม คือ คุณหญิงแจ่มใส
           ในอดีตนักวาดการ์ตูนล้อการเมืองและหนังสือพิมพ์ มักจะถูกดำเนินคดีอาญาหรือถูกคุกคามจากผู้มีอำนาจในยุคนั้น หนังสือพิมพ์หลายฉบับถูกสั่งปิดโดยรัฐบาล เนื่องจากภาพการ์ตูนที่แม้จะไม่ได้มีการระบุชื่อ แต่ลายเส้นการ์ตูนที่แสดงถึงเอกลักษณ์เฉพาะบุคคล ก็ทำให้รู้ว่าเป็นใคร ในยุคข่าวสารไร้พรมแดนเช่นในปัจจุบัน ทำให้เสรีภาพของการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองมีมากขึ้น การ์ตูนนิสต์ได้มีโอกาสแสดงศิลปะการวาดภาพลายเส้น ล้อเลียนได้อย่างมีอิสระ คอลัมน์การ์ตูนการเมืองในหนังสือพิมพ์ภาษาไทย และภาษาต่างประเทศเกือบจะทุกฉบับ จึงเป็นเสน่ห์และแรงดึงดูดใจสำหรับผู้ที่สนใจในอารมณ์ขันและมุมมองต่อข่าวของผู้วาดการ์ตูน.

บรรณานุกรม
สำนักงานหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ไกรฤกษ์ นานา “จาก - เรื่องตลก การ์ตูน ร.5 เสด็จประพาสยุโรป ถึง – เรื่องไม่ตลก
งานพระบรมศพ ร.5 ผิดองค์” ศิลปวัฒนธรรม 24, 11 (ก.ย. 2546) 60 - 69
ชัย ราชวัตร “การ์ตูนไทยกับลายเส้นอารมณ์ดี” สารคดี 16, 63 (พ.ค. 2357)
ประเสริฐ มาสปรีด์ “ความเป็นมาของคำว่าการ์ตูน” ว.ห้องสมุด 23, 4-6
(ก.ค. - ธ.ค. 2522) 348-354
ภูวดล สุวรรณดี “การ์ตูน อารมณ์ขันที่ไม่มีวันตาย” สื่อสัมพันธ์นิเทศสาร 2, 2
(2538) 102-112
วรรณพงษ์ หงษ์จินดา “การ์ตูนการเมือง เรื่อง SERIOUS หรือขำขัน”
ศิลปวัฒนธรรม 16, 9 (ก.ค. 38 ) 59-60
“สเน่ห์การ์ตูนญี่ปุ่น การครอบงำวัฒนธรรมแบบใหม่” สยาม อารยะ 1, 1
(ก.ค. 2535) 90-93