การ์ตูนล้อการเมือง 101
การ์ตูนการเมือง ( Political Cartoon ) หรือ การ์ตูนบทบรรณาธิการ ( Editorial Cartoon ) คือภาพวาดลายเส้นพร้อมรายละเอียดเชิงตลกล้อเลียน มีจุดมุ่งหมายเพื่อการล้อเลียน เน้นเรื่องราวมากกว่ารูปแบบของสิ่งที่วาด จุดประสงค์เพื่อความสนุกสนาน ในบางครั้งอาจเป็นการแนะนำ หรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ เศรษฐกิจ สังคม และ การเมือง นำเสนอในรูปแบบของ การวิพากย์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล บางครั้งอาจสอดแทรกถึงวิธีการแก้ปัญหานั้น จะมีคำบรรยายหรือไม่มีก็ได้ ล้อเลียนเชิงขบขันมากกว่าจะมุ่งทำลาย การ์ตูนนิสต์การเมือง จะต้องสนใจติดตามข่าวสารบ้านเมือง และวิเคราะห์ข่าว แสดงความคิดเห็นทางการเมืองของตนเอง ในรูปของการล้อเลียน การ์ตูนล้อการเมืองได้รับความนิยมจากผู้อ่านเป็นจำนวนมาก ในยุคปัจจุบันนี้หนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับจะต้องมีหน้าการ์ตูนการเมืองแทรกอยู่ด้วยเสมอ
เส้นทางการ์ตูนการเมืองในประเทศไทย
สมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จิตรกรที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น คือ ขรัวอินโข่ง เป็นผู้ที่ริเริ่มเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนัง ที่มีลักษณะเป็นภาพเหมือนจริง ล้อเลียนบุคคล โดยแทรกอารมณ์ขัน แต่ไม่ใช่เป็นผลงานด้านการ์ตูนอย่างแท้จริง เนื่องจากขาดการแสดงออกตามลักษณะของตัวการ์ตูน มีความละเอียดของลายเส้น และแสงเงาชัดเจนเกินไป พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงบันทึกไว้ในพระราชหัตถเลขา เมื่อ ปี พ.ศ. 2407 ทรงกล่าวถึงช่างวาดภาพจิตรกรรมฝาผนังระเบียงวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ที่แทรกรูปวาดล้อเลียน ข้าราชบริพารไว้หลายรูปด้วยกัน ปี พ.ศ. 2440 (ค.ศ. 1897) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสยุโรปเป็นครั้งแรก มีผู้วาดภาพการ์ตูน แทรกภาพข่าวการเสด็จพระราชดำเนินในครั้งนั้น รวมทั้งพระราชกรณียกิจในสถานที่ต่างๆลงตีพิมพ์ในนิตยสาร วารสาร หนังสือพิมพ์ ใบปลิว ไปรษณียบัตร ปกหนังสือเรียน ฯลฯ พระองค์ทรงโปรดเกล้าให้รวบรวมสิ่งพิมพ์ที่มีภาพวาดลายเส้นล้อการเมือง ที่เปรียบเปรยถึงพระองค์ ส่งกลับมาให้พระบรมวงศานุวงศ์ที่เมืองไทย ปี พ.ศ. 2449 (ร.ศ. 125) มีภาพวาดการ์ตูนเชิงชำชัน โดยวิธีแกะไม้อย่างง่ายๆ ทำแม่พิมพ์คล้ายกับวิธีการของยุโรป ในหนังสือชื่อ สำราญวิทยา และใน จดหมายเหตุแสงอรุณ เมื่อปี พ.ศ. 2450 นอกจากนี้มีชาวต่างประเทศวาดภาพการ์ตูนล้อเลียนชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยสมัยนั้น ในหนังสือพิมพ์ สยามออบเซอเวอร์ (SIAMOBSERVER) รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงสนพระทัยศิลปะการวาดภาพมาก ทรงโปรดเกล้าพระราชทานคำว่า CARTOON จากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยว่า ภาพล้อ ในสมัยนี้การ์ตูนล้อการเมืองเริ่มเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากพระองค์ทรงสนับสนุน ให้มีการจัดประกวดวาดภาพล้อเลียนขึ้นใน พระบรมมหาราชวัง (พ.ศ. 2468 – 2470) ทำให้การวาดภาพการ์ตูนได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้พระองค์ทรงวาดภาพล้อเลียน เพื่อตักเตือนข้าราชบริพารที่ทุจริต ประพฤติมิชอบ ฉ้อราษฎร์บังหลวง โดยลงตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ 3 ฉบับ คือ ดุสิตสมัย ดุสิตสมิต และ ดุสิตสักขี การ์ตูนนิสต์การเมืองคนแรกของไทยคือ เปล่ง ไตรปิ่น ซึ่งมีโอกาสเดินทางไปศึกษาวิชาศิลปะการวาดภาพที่ยุโรป ได้นำเทคนิคจากต่างประเทศ วาดภาพการ์ตูนเป็นลายเส้น ได้รับรางวัลการประกวดภาพล้อจาก ร. 6 โดยการเขียนการ์ตูนล้อเลียนนักการเมืองสำคัญๆในยุคนั้น อาทิ เจ้าพระยายมราช พระยามโนปกรณ์นิติธาดา พระยาพหลพลพยุหเสนา เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี ฯลฯ นอกจาการวาดภาพการ์ตูนแล้ว เปล่ง ยังมีความสามารถพิเศษอีกหลายอย่าง เช่น การสร้างกล้องถ่ายรูป การทำแม่แบบพิมพ์ การถ่ายรูป ทำให้ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น ขุนปฏิภาคพิมพ์ลิขิต นอกจากนี้ ชาวญี่ปุ่น ชื่อ ไอ เคียว คาวา ซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองไทยสมัยนั้นสนับสนุนให้ นักเขียนการ์ตูน วาดภาพการ์ตูนลงใน หนังสือพิมพ์ยาโมโต สมัยรัชกาลที่ 7 การ์ตูนเริ่มซบเซาเนื่องจากเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง เกิดปัญหาการขาดแคลนกระดาษพิมพ์ จนกระทั่งยุคการเปลี่ยนแปลงการปกครอง (พ.ศ. 2475) วงการการ์ตูนเริ่มฟื้นฟูขึ้นพร้อมกับเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง การ์ตูนนิสต์วาดภาพล้อเลียนจนเกินขอบเขต ทำให้มีกฎหมายของคณะราษฎร์ออกมาควบคุม หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ประยูร จรรยาวงศ์ วาดภาพการ์ตูนที่มีตัวแสดงชื่อ ศุขเล็ก ใช้เป็นสัญลักษณ์ประจำตัว เขียนการ์ตูนขำขันและการ์ตูนล้อการเมือง ได้รับรางวัลจากการประกวดการ์ตูนสันติภาพโลก เมื่อ ปี พ.ศ. 2503 ที่นิวยอร์ค ชื่อภาพ การทดลองระเบิดปรมาณูลูกสุดท้าย ( The Last Nuclear Test ) และได้รับรางวัลแมกไซไซ ที่ ประเทศฟิลิปปินส์ ยุคเผด็จการครองเมือง ศุขเล็ก ถูกสั่งห้ามเขียนการ์ตูนล้อเลียนการเมือง เนื่องจากการวาดภาพวิจารณ์นักการเมืองที่มีอำนาจในยุคนั้น จึงได้เปลี่ยนแนวมาวาดภาพการ์ตูนในคอลัมน์ ขบวนการแก้จน ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต
สมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จิตรกรที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น คือ ขรัวอินโข่ง เป็นผู้ที่ริเริ่มเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนัง ที่มีลักษณะเป็นภาพเหมือนจริง ล้อเลียนบุคคล โดยแทรกอารมณ์ขัน แต่ไม่ใช่เป็นผลงานด้านการ์ตูนอย่างแท้จริง เนื่องจากขาดการแสดงออกตามลักษณะของตัวการ์ตูน มีความละเอียดของลายเส้น และแสงเงาชัดเจนเกินไป พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงบันทึกไว้ในพระราชหัตถเลขา เมื่อ ปี พ.ศ. 2407 ทรงกล่าวถึงช่างวาดภาพจิตรกรรมฝาผนังระเบียงวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ที่แทรกรูปวาดล้อเลียน ข้าราชบริพารไว้หลายรูปด้วยกัน ปี พ.ศ. 2440 (ค.ศ. 1897) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสยุโรปเป็นครั้งแรก มีผู้วาดภาพการ์ตูน แทรกภาพข่าวการเสด็จพระราชดำเนินในครั้งนั้น รวมทั้งพระราชกรณียกิจในสถานที่ต่างๆลงตีพิมพ์ในนิตยสาร วารสาร หนังสือพิมพ์ ใบปลิว ไปรษณียบัตร ปกหนังสือเรียน ฯลฯ พระองค์ทรงโปรดเกล้าให้รวบรวมสิ่งพิมพ์ที่มีภาพวาดลายเส้นล้อการเมือง ที่เปรียบเปรยถึงพระองค์ ส่งกลับมาให้พระบรมวงศานุวงศ์ที่เมืองไทย ปี พ.ศ. 2449 (ร.ศ. 125) มีภาพวาดการ์ตูนเชิงชำชัน โดยวิธีแกะไม้อย่างง่ายๆ ทำแม่พิมพ์คล้ายกับวิธีการของยุโรป ในหนังสือชื่อ สำราญวิทยา และใน จดหมายเหตุแสงอรุณ เมื่อปี พ.ศ. 2450 นอกจากนี้มีชาวต่างประเทศวาดภาพการ์ตูนล้อเลียนชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยสมัยนั้น ในหนังสือพิมพ์ สยามออบเซอเวอร์ (SIAMOBSERVER) รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงสนพระทัยศิลปะการวาดภาพมาก ทรงโปรดเกล้าพระราชทานคำว่า CARTOON จากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยว่า ภาพล้อ ในสมัยนี้การ์ตูนล้อการเมืองเริ่มเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากพระองค์ทรงสนับสนุน ให้มีการจัดประกวดวาดภาพล้อเลียนขึ้นใน พระบรมมหาราชวัง (พ.ศ. 2468 – 2470) ทำให้การวาดภาพการ์ตูนได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้พระองค์ทรงวาดภาพล้อเลียน เพื่อตักเตือนข้าราชบริพารที่ทุจริต ประพฤติมิชอบ ฉ้อราษฎร์บังหลวง โดยลงตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ 3 ฉบับ คือ ดุสิตสมัย ดุสิตสมิต และ ดุสิตสักขี การ์ตูนนิสต์การเมืองคนแรกของไทยคือ เปล่ง ไตรปิ่น ซึ่งมีโอกาสเดินทางไปศึกษาวิชาศิลปะการวาดภาพที่ยุโรป ได้นำเทคนิคจากต่างประเทศ วาดภาพการ์ตูนเป็นลายเส้น ได้รับรางวัลการประกวดภาพล้อจาก ร. 6 โดยการเขียนการ์ตูนล้อเลียนนักการเมืองสำคัญๆในยุคนั้น อาทิ เจ้าพระยายมราช พระยามโนปกรณ์นิติธาดา พระยาพหลพลพยุหเสนา เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี ฯลฯ นอกจาการวาดภาพการ์ตูนแล้ว เปล่ง ยังมีความสามารถพิเศษอีกหลายอย่าง เช่น การสร้างกล้องถ่ายรูป การทำแม่แบบพิมพ์ การถ่ายรูป ทำให้ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น ขุนปฏิภาคพิมพ์ลิขิต นอกจากนี้ ชาวญี่ปุ่น ชื่อ ไอ เคียว คาวา ซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองไทยสมัยนั้นสนับสนุนให้ นักเขียนการ์ตูน วาดภาพการ์ตูนลงใน หนังสือพิมพ์ยาโมโต สมัยรัชกาลที่ 7 การ์ตูนเริ่มซบเซาเนื่องจากเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง เกิดปัญหาการขาดแคลนกระดาษพิมพ์ จนกระทั่งยุคการเปลี่ยนแปลงการปกครอง (พ.ศ. 2475) วงการการ์ตูนเริ่มฟื้นฟูขึ้นพร้อมกับเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง การ์ตูนนิสต์วาดภาพล้อเลียนจนเกินขอบเขต ทำให้มีกฎหมายของคณะราษฎร์ออกมาควบคุม หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ประยูร จรรยาวงศ์ วาดภาพการ์ตูนที่มีตัวแสดงชื่อ ศุขเล็ก ใช้เป็นสัญลักษณ์ประจำตัว เขียนการ์ตูนขำขันและการ์ตูนล้อการเมือง ได้รับรางวัลจากการประกวดการ์ตูนสันติภาพโลก เมื่อ ปี พ.ศ. 2503 ที่นิวยอร์ค ชื่อภาพ การทดลองระเบิดปรมาณูลูกสุดท้าย ( The Last Nuclear Test ) และได้รับรางวัลแมกไซไซ ที่ ประเทศฟิลิปปินส์ ยุคเผด็จการครองเมือง ศุขเล็ก ถูกสั่งห้ามเขียนการ์ตูนล้อเลียนการเมือง เนื่องจากการวาดภาพวิจารณ์นักการเมืองที่มีอำนาจในยุคนั้น จึงได้เปลี่ยนแนวมาวาดภาพการ์ตูนในคอลัมน์ ขบวนการแก้จน ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต
ยุคทองของการ์ตูนล้อการเมือง หลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 มีหนังสือพิมพ์เพิ่มขึ้นใหม่อีกหลายชื่อ ทำให้มีการ์ตูนนิสต์การเมืองที่มีชื่อเสียงเกิดขึ้นอีกหลายคน เช่น ชัย ราชวัตร (สมชัย กตัญญตานนท์) เขียนการ์ตูนการเมืองชุด ผู้ ใหญ่มากับทุ่งหมาเมิน ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
หมื่น (ชูชาติ หมื่นอินกุล) ในหนังสือพิมพ์มติชน
อรุณ วัชระสวัสดิ์ ในหนังสือพิมพ์มติชน และ The Nation
เซีย (ศักดา เอียว) ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
บัญชา - คามิน ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ
พล ข่าวสด (สุรพล พิทยาสกุล) เริ่มเขียนการ์ตูนการเมืองสมัยรัฐบาลบรรหาร ศิลปอาชา ในหนังสือพิมพ์ข่าวสด เรื่อง หนูนากับป้าแจ่ม ตัวละคร หนูนา มาจาก กัญจนา ศิลปอาชา และ ป้าแจ่ม คือ คุณหญิงแจ่มใส
ในอดีตนักวาดการ์ตูนล้อการเมืองและหนังสือพิมพ์ มักจะถูกดำเนินคดีอาญาหรือถูกคุกคามจากผู้มีอำนาจในยุคนั้น หนังสือพิมพ์หลายฉบับถูกสั่งปิดโดยรัฐบาล เนื่องจากภาพการ์ตูนที่แม้จะไม่ได้มีการระบุชื่อ แต่ลายเส้นการ์ตูนที่แสดงถึงเอกลักษณ์เฉพาะบุคคล ก็ทำให้รู้ว่าเป็นใคร ในยุคข่าวสารไร้พรมแดนเช่นในปัจจุบัน ทำให้เสรีภาพของการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองมีมากขึ้น การ์ตูนนิสต์ได้มีโอกาสแสดงศิลปะการวาดภาพลายเส้น ล้อเลียนได้อย่างมีอิสระ คอลัมน์การ์ตูนการเมืองในหนังสือพิมพ์ภาษาไทย และภาษาต่างประเทศเกือบจะทุกฉบับ จึงเป็นเสน่ห์และแรงดึงดูดใจสำหรับผู้ที่สนใจในอารมณ์ขันและมุมมองต่อข่าวของผู้วาดการ์ตูน.
บรรณานุกรม
สำนักงานหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ไกรฤกษ์ นานา “จาก - เรื่องตลก การ์ตูน ร.5 เสด็จประพาสยุโรป ถึง – เรื่องไม่ตลก
งานพระบรมศพ ร.5 ผิดองค์” ศิลปวัฒนธรรม 24, 11 (ก.ย. 2546) 60 - 69
ชัย ราชวัตร “การ์ตูนไทยกับลายเส้นอารมณ์ดี” สารคดี 16, 63 (พ.ค. 2357)
ประเสริฐ มาสปรีด์ “ความเป็นมาของคำว่าการ์ตูน” ว.ห้องสมุด 23, 4-6
(ก.ค. - ธ.ค. 2522) 348-354
ภูวดล สุวรรณดี “การ์ตูน อารมณ์ขันที่ไม่มีวันตาย” สื่อสัมพันธ์นิเทศสาร 2, 2
(2538) 102-112
วรรณพงษ์ หงษ์จินดา “การ์ตูนการเมือง เรื่อง SERIOUS หรือขำขัน”
ศิลปวัฒนธรรม 16, 9 (ก.ค. 38 ) 59-60
“สเน่ห์การ์ตูนญี่ปุ่น การครอบงำวัฒนธรรมแบบใหม่” สยาม อารยะ 1, 1
(ก.ค. 2535) 90-93
หมื่น (ชูชาติ หมื่นอินกุล) ในหนังสือพิมพ์มติชน
อรุณ วัชระสวัสดิ์ ในหนังสือพิมพ์มติชน และ The Nation
เซีย (ศักดา เอียว) ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
บัญชา - คามิน ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ
พล ข่าวสด (สุรพล พิทยาสกุล) เริ่มเขียนการ์ตูนการเมืองสมัยรัฐบาลบรรหาร ศิลปอาชา ในหนังสือพิมพ์ข่าวสด เรื่อง หนูนากับป้าแจ่ม ตัวละคร หนูนา มาจาก กัญจนา ศิลปอาชา และ ป้าแจ่ม คือ คุณหญิงแจ่มใส
ในอดีตนักวาดการ์ตูนล้อการเมืองและหนังสือพิมพ์ มักจะถูกดำเนินคดีอาญาหรือถูกคุกคามจากผู้มีอำนาจในยุคนั้น หนังสือพิมพ์หลายฉบับถูกสั่งปิดโดยรัฐบาล เนื่องจากภาพการ์ตูนที่แม้จะไม่ได้มีการระบุชื่อ แต่ลายเส้นการ์ตูนที่แสดงถึงเอกลักษณ์เฉพาะบุคคล ก็ทำให้รู้ว่าเป็นใคร ในยุคข่าวสารไร้พรมแดนเช่นในปัจจุบัน ทำให้เสรีภาพของการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองมีมากขึ้น การ์ตูนนิสต์ได้มีโอกาสแสดงศิลปะการวาดภาพลายเส้น ล้อเลียนได้อย่างมีอิสระ คอลัมน์การ์ตูนการเมืองในหนังสือพิมพ์ภาษาไทย และภาษาต่างประเทศเกือบจะทุกฉบับ จึงเป็นเสน่ห์และแรงดึงดูดใจสำหรับผู้ที่สนใจในอารมณ์ขันและมุมมองต่อข่าวของผู้วาดการ์ตูน.
บรรณานุกรม
สำนักงานหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ไกรฤกษ์ นานา “จาก - เรื่องตลก การ์ตูน ร.5 เสด็จประพาสยุโรป ถึง – เรื่องไม่ตลก
งานพระบรมศพ ร.5 ผิดองค์” ศิลปวัฒนธรรม 24, 11 (ก.ย. 2546) 60 - 69
ชัย ราชวัตร “การ์ตูนไทยกับลายเส้นอารมณ์ดี” สารคดี 16, 63 (พ.ค. 2357)
ประเสริฐ มาสปรีด์ “ความเป็นมาของคำว่าการ์ตูน” ว.ห้องสมุด 23, 4-6
(ก.ค. - ธ.ค. 2522) 348-354
ภูวดล สุวรรณดี “การ์ตูน อารมณ์ขันที่ไม่มีวันตาย” สื่อสัมพันธ์นิเทศสาร 2, 2
(2538) 102-112
วรรณพงษ์ หงษ์จินดา “การ์ตูนการเมือง เรื่อง SERIOUS หรือขำขัน”
ศิลปวัฒนธรรม 16, 9 (ก.ค. 38 ) 59-60
“สเน่ห์การ์ตูนญี่ปุ่น การครอบงำวัฒนธรรมแบบใหม่” สยาม อารยะ 1, 1
(ก.ค. 2535) 90-93
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น