การทำปุ๋ยหมักชีวภาพอย่างง่าย

การทำปุ๋ยหมักชีวภาพอย่างง่าย


           ปัจจุบันพืชผักต่างๆ ที่ขายตามท้องตลาดส่วนใหญ่มีสารเคมีตกค้าง ไม่ว่าจะเป็นจากปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง ทำให้ผักที่เราบริโภคกันตามตลาดไม่ปลอดภัยเนื่องจากมีสารเคมีตกค้างเป็นจำนวนมาก ซึ่งสาเคมีที่ต้องค้างเหล่านี้ต่างเป็นสาเหตุของการเกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ  ดังนั้นเราต้องรณรงค์ให้เกษตรกรผู้ผลิตพืชผักเหล่านี้ งดใช้สารเคมีหันมาปลูกพืชผักตามแนวทางเกษตรที่ปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็น ปลูกผักไร้สาร ปลอดสาร หรือ เกษตรอินทรีย์ ซึ่งเราผู้บริโภคจะได้มีโอกาสในการซื้อพืชผักที่ปลอดภัยจากสารพิษ สารเคมี  ซึ่งเมื่อเราได้บริโภคผักต่างๆ เหล่านี้จะทำให้เรามีสุขภาพดี ไม่มีสารพิษตกค้าง ปลอดจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ
          น้ำหมักชีวภาพคือ การนำเอาพืช ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ต่างๆ มาหมักกับน้ำตาลทำให้เกิดจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์จำนวนมากซึ่งจุลินทรีย์เหล่านี้จะไปช่วยสลายธาตุอาหารต่างๆ ที่อยู่ในพืชมีคุณค่าในแง่ของธาตุอาหารพืชเมือถูกย่ายสลายโดยกระบวนการย่อยสลายของแบคทีเรียหรือจุลินทรีย์สารต่างๆ จะถูกปลดปล่อยออกมา เช่นโปรตีน กรดอะมิโน กรดอินทรีย์ ธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรอง จุลธาตุ ฮอโมนเร่งการเจริฐเติบโต เอนไซม์ วิตามิน ซึ่งพืชสามารถนำไปใช้ในการเจริญเติบโตได้อย่างมีประสิทธิถาพ น้ำหมักชีวภาพมี 3 ประเภท คือ
  1.     น้ำหมักชีวภาพจากพืชสดสีเขียว
  2.     น้ำหมักชีวภาพจากผลไม้สุก
  3.     น้ำหมักชีวภาพจากสมุนไพร (สารขับไล่แมลง)
น้ำหมักชีวภาพเป็นอีกทางเลือกของเกษตรกร สำหรับใช้ในการป้องกัน กำจัดศัตรูพืช โดยไม่ต้องใช้สารเคมี ซึ่งมีวิธีการทำที่ง่ายๆ สามารถทำได้เอง

      น้ำหมักชีวภาพอาจแบ่งอีกแบบได้ 2 ประเภทคือ
  1. น้ำหมักชีวภาพจากพืช ทำได้โดยการนำเศษพืชสด มาทำการหมักรวมกับน้ำตาลทรายแดง หรือกากน้ำตาล

อัตราส่วน เศษพืชผัก 3 ส่วน กากน้ำตาล 1 ส่วน ใส่ถังหมักปิดฝา หมักทิ้งไว้ประมาณ 3-7 วันเราจะได้น้ำหมักชีวภาพจากพืช ซึ่งเป็นของเหลวข้นๆ สีน้ำตาล
  1. น้ำหมักชีวภาพจากสัตว์ มีขั้นตอนคล้ายกับน้ำหมักจากพืช แตกต่างกันตรงวัตถุดิบจากสัตว์ เช่นหัวปลา ก้างปลา หอยเชอรี่ เป็นต้น


โดยนำ วัตถุดิบจากสัตว์  1 ส่วน กากน้ำตาลหรือน้ำตาลทราบแดง 1 ส่วนหมักรวมกันในถังหมักปิดฝา ทิ้งไว้ประมาณ 7 วัน เราจะได้น้ำหมักชีวภาพจากสัตว์
สำหรับการปลูกผักสวนครัวรั้วกินได้ มีวิธีการทำปุ๋ยชีวภาพอย่างง่ายๆ ซึ่งวัตถุดิบในการทำเป็นเศษพืชผัก ผลไม้ ที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น เป็นวัตถุดิบหลัก

สูตรการทำน้ำหมักชีวภาพจากพืช

    วัตถุดิบและอุปกรณ์


ถังหมักชีวภาพ พร้อมฝาปิด





     กากน้ำตาล
     
     
     
     
     
     
     
     
    เศษพืช ผัก ผลไม้
     
  1.  เศษพืชผัก ผลไม้ หั่นและสับเป็นชิ้นเล็ก 3 ส่วน
  2.  การน้ำตาล หรือน้ำตาลทรายแดง         1 ส่วน
  3. น้ำ                                                   10 ส่วน
  4.  ถังสำหรับทำน้ำหมักชีวภาพ มีฝาปิด  
  5. มีดสำหรับหั่นเศษพืช ผัก ผลไม้
  6. ไม้สำหรับคนเศษพืชผักผลไม้ 
ผสมน้ำ+กากน้ำตาลและนำใส่ถังหมัก

 วิธีทำน้ำหมักชีวภาพสูตรผสมน้ำอย่างง่าย
        นำผลไม้หรือพืชผักสับหรือเศษอาหาร 3 ส่วน น้ำตาล 1 ส่วน น้ำ 10 ส่วน ใส่รวมกันในภาชนะหมักที่มีฝาปิดสนิท อย่าให้อากาศเข้า โดยเว้นที่ว่างไว้ประมาณ 1 ใน 5 ของถัง หมั่นเปิดฝา คลายก๊าซออก และปิดกลับให้สนิททันที วางไว้ในที่ร่ม โดยหมักทิ้งไว้ 3 เดือน เราก็จะได้น้ำหมักชีวภาพซึ่งมีจุลินทรีย์ สารอินทรีย์ ธาตุอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อ สิ่งมีชีวติและสิ่งแวดล้อม
        สูตร การทำน้ำหมักชีวภาพใช้อัตราส่วนดังนี้
                ผัก ผลไม้ 3 ส่วน : น้ำตาลทรายแดง หรือกากน้ำตาล 1 ส่วน : น้ำ 10 ส่วน หมักนาน 3 เดือน


 น้ำหมักชีวภาพ

การขยายน้ำหมักชีวภาพ น้ำหมักชีวภาพที่หมักได้ 3 เดือนแล้ว นำน้ำใสออกมา ใส่อีกภาชนะหนึ่ง ส่วนนี้เป็นหัวเชื้อน้ำหมักชีวภาพ นำน้ำหมักชีวภาพ 1 ส่วน น้ำตาล 1 ส่วน และน้ำ 10 ลิตรใส่รวมในภาชนะที่มีฝาปิดสนิท โดยเว้นที่ว่างไว้ 1 ใน 5 ของขวดหมั่นเปิดฝา คลายแก๊สออก และปิดกลับให้สนิททันที วางไว้ในที่ร่ม อย่าให้ถูกแสงแดด หมักไว้ 2 เดือน เราก็จะได้หัวเชื้อน้ำหมักชีวภาพอายุ 5 เดือนขยายต่อตามวิธีข้างต้นทุก 2 เดือน เราก็จะได้หัวเชื้อน้ำหมักชีวภาพที่มีอายุมากชึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเรื่อยๆ
        สูตรน้ำหมักชีวภาพ 1 ส่วน : น้ำตาลทรายแดง หรือกากน้ำตาล 1 ส่วน : น้ำ 10 ส่วนหมักขยายต่อทุก 2 เดือน

ประโยชน์ของน้ำหมักชีวภาพ
ด้านเกษตร
  1. ช่วยปรับสภาพความเป็นกรด-ด่าง ในดินและน้ำ
  2. ช่วนปรับสภาพโครงสร้างของดินให้ร่วนซุย อุ้มน้ำและอากาศได้ดียิ่งขึ้น
  3. ช่วยย่อยสลายอินทรีย์วัตถุนดินให้เป็นธาตุอาหารแก่พืช พืชวามารถดูดซึมไปใช้ได้เลยโดยไม่ต้องใช้พลังงานมากเหมือนการใช้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์
  4. ช่วยเร่งการเจริญเติบโตของพืชให้สมบูรณ์ แข็งแรงตามธรรมชาติ ต้านทานโรคและแมลง
  5. ช่วยสร้างฮอร์โมนพืช ทำให้ผลผลิตสูงและมีคุณภาพผลผลิตดีขึ้น
  6. ช่วยให้ผลผลิตคงทน เก็บรักษาไว้ได้นาน

การขยายจุลินทรีย์ EM
ส่วนประกอบ
  1. จุลินทรีย์ EM  2 ช้อนโต๊ะ(20ซีซี)
  2. การน้ำตาล     2 ช้อนโต๊ะ
  3. น้ำสะอาด       1 ลิตร      
วิธีทำ ผสมจุลินทรีย์ EM กากน้ำตาลและน้ำเข้าด้วยกัน ใส่ขวดพลาสติก ชนิดฝาเกลียวปิดฝาให้แน่นเก็บไว้ 3 ถึง 5 วัน จะเป็นเชื้อขยายเป็นการนำจุลินทรีย์มาขยายให้ได้จำนวนมาก ลดต้นทุนนำไปใช้หรือขยายต่อได้อีก เก็บไว้ได้นาน 3 เดือน


การทำฮอร์โมนผลไม้


ส่วนประกอบ
  1. มะละกอสุก         2 กิโลกรัม
  2. ฟักทองแก่จัด     2 กิโลกรัม
  3. กล้วยน้ำว้าสุข    2 กิโลกรัม
  4. จุลินทรีย์ EM     1 แก้ว (250 ซีซี)
  5. กากน้ำตาล        1 แก้ว
  6. น้ำสะอาด 1 ถังหรือ 10 ลิตร
วิธีทำ
        สับมะละกอ ฟักทอง กล้วยทั้งเปลือกและเมล็ดให้เข้ากันผสม EM และกากน้ำตาลอย่างละ 1 แก้วใส่น้ำ 10 ลิตร หรือ 1 ถัง คนให้เข้ากันปิดฝาให้แน่น หมักไว้ 7-8 วัน เปิดก๊อกแล้วกรอกใส่ขวดเก็บได้นาน 3 เดือน

วิธีใช้
       4-5 ช้อนโต๊ะผสมน้ำ 10 ลิตรหรือ 1 ถัง ฉีดพ่น ราด จะทำให้ดอกติด ผลดก ขนาดโต น้ำหนักดี รสชาติอร่อย

 หมักกล้วย ฟักทอง มะละกอ ทิ้งไว้นาน 3 เดือน

อัตราส่วนในการใช้

1. ผสมน้ำอัตรา 1/500 เช่น น้ำ 5 ลิตรใช้ ฮอร์โมนหรือสารสกัด ฯ เพียง 1 ช้อนโต๊ะเท่านั้น และนำไปใช้ดังต่อไปนี้

- รดในแปลงปลูก ฉีดพ่นพืชผัก ไม้ดอกไม้ประดับ 5 วันต่อครั้งจะทำให้พืชผักงามแข็งแรง ไม่มีแมลงศัตรูพืชรบกวน รสชาติอร่อยเป็นธรรมชาติเก็บรักษาไว้ได้นานไม่เน่าง่าย

- รดรอบทรงพุ่มไม้ผล ฉีดพ่นนาข้าว ประมาณ 20-30 วันต่อครั้ง พืชจะแข็งแรงผลผลิตสูง

2 . ใช้ผสมกับน้ำสะอาดอัตรา 20 ซีซี ต่อน้ำ 10 ลิตร ฉีดพ่นพืชผักไม้ดอกไม้ประดับ เร่งรากเร่งดอกให้ขั้วผลไม้ยาวและเหนียวสมบูรณ์ รดชาดดี และการฉีดพ่นควรฉีดพนในช่วงเย็น 10-15 วัน/ครั้ง ให้หมดภายใน 3 เดือน



การทำฮอร์โมนยอดพืช


ส่วนประกอบ
  1. ยอด/ใบยูคาลิปตัส     1 กิโลกรัม
  2. ยอดสะเดา                1 กิโลกรัม
  3. น้ำสะอาด 1 ถังหรือ 10 ลิตร
  4. จุลินทรีย์ EM           1 แก้ว( 250 ซีซี)
  5. กากน้ำตาล             1 แก้ว
ใช้ยอดพืช ยอดผักหลายๆ ชนิดก็ได้อาทิ ชมพู่ มะม่วง ตะไคร้หอม การเก็บยอดพืชให้เก็บตอนเช้าตรู่

วิธีทำ
  1. สับยอดพืชให้สั้นประมาณ 1 นิ้ว ใส่ในถังพลาสติกหรือโอ่ง
  2. ผสม EM กากน้ำตาล น้ำเทลงในถังให้น้ำท่วมพอดี ปิดฝาให้มิดชิด
  3. หมักไว้ประาณ 7-10 วัน กรองใส่ขวดเก็บไว้นานประมาณ 3 เดือน

วิธีใช้
 ผสมน้ำหมัก 4-5 ช้อนโต๊ะกับน้ำ 20 ลิตร ฉีด พ่น รด ตอนเช้า หรือหลังฝนตก ป้องกันแมลงรบกวน พืชจะแข็งแรงเติบโตดี ใช้ผสมกับสารไล่แมลงจะได้ผลดียิ่งขึ้น

การทำปุ๋ยน้ำ (ใช้ทันที)
ส่วนประกอบ
  1. จุลินทรีย์ EM   2 ช้อนโต๊ะ
  2. กากน้ำตาล      2 ช้อนโต๊ะ
  3. น้ำสะอาด 10 ลิตรหรือ 1 ถัง
วิธีทำ
      นำจุลินทรีย์ EM และกากน้ำตาลผสมในน้ำให้เข้ากัน

วิธีใช้

      พืช ผัก ใช้ฉีด พ่น รด ราดทุก 3 วัน ไม้ดอก ไม้ผล พืชสวน ฉีด พ่นทุก 7 วัน เดือนละ 1-2 ครั้ง ใช้ให้หมดภายใน 1 วัน หากไม่หมดให้นำไปราดห้องน้ำ ล้างพื้นซีเมนต์ หรอ เทลงท่อระบายน้ำ


น้ำหมักสูตรไล่แมลง 1
ส่วนประกอบ
  1. จุลินทรีย์ EM               1 แก้ว
  2. กากน้ำตาล                  1 แก้ว
  3. น้ำส้มสายชู 5%           1 แก้ว
  4. เหล้าขาว 28-40 ดีกรี   2 แก้ว
  5. น้ำสะอาด                  10 ลิตร

วิธีทำ
      นำส่วนผสมมาผสมให้เข้ากัน ใส่ภาชนะปิดฝาให้สนิทปมักไว้ 7-10 วัน เขย่าถังเบาๆ ทุกวัน  และเปิดฝา ให้ก๊าซระบายออก ครบกำหนดเก็บใส่ขวดพลาสติกเก็บไว้ใช้ได้นาน 3 เดือน

วิธีใช้
     4-5 ช้อนโต๊ะผสมน้ำ 20 ลิตร ใช้ฉีด พ่น ราด รด พืชผัก ไม้ใบ ไม้ดอก พืชสวน ทุกสัปดาห์

น้ำหมักสูตรสารไล่แมลง 2
ส่วนประกอบ
  1. ลูกยอสุก          1 กิโลกรัม
  2. จุลินทรีย์ EM   1 แก้ว
  3. กากน้ำตาล      1 แก้ว

วิธีทำ
     นำลูกยอสุกมาสับให้ละเอียด ใส่น้ำพอท่วมผสมจุลินทรีย์ EM กากน้ำตาล คนให้เข้ากันหมักไว้ 10 วัน พอได้ที่คั้นเอาแต่น้ำมาใช้

วิธีใช้
     สารไล่แมลง 1 แก้วผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีด พ่น รด ราด


น้ำหมักสูตรไล่หอย, เพลี้ยไฟ
ส่วนประกอบ
  1. ยอดยูคาลิปตัส             2 กิโลกรัม
  2. ยอดสะเดา 20 ยอดหรือ 2 กิโลกรัม
  3. ข่าแก่                           2 กิโลกรัม
  4. บอระเพ็ด                      2 กิโลกรัม
  5. จุลินทรีย์ EM                1 แก้ว
  6. กากน้ำตาล                   1 แก้ว
วิธีทำ
      นำยอดยูคาลิปตัส ยอดสะเดา ข่าแก่ และบอระเพ็ด แต่ละอย่างแยกกันใส่ปี๊บ ใส่น้ำให้เต็ม ต้มให้เหลือน้ำ อย่างละครึ่งปี๊บ ทิ้งไว้ให้เย็น นำมาเทรวมกันในถังใหญ่หรือโอ่ง ใส่จุลินทรีย์ EM 1 แก้ว

วิธีใช้
     ใช้แก้วผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีด พ่น รดในแปลง ผัก พืชในนาข้าว ป้องกันใบข้าวไหม้



1 ความคิดเห็น: